แต่ละคนจะมีสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไป การเลือกครีมกันแดดจึงต้องมีความเหมาะสมกับผิวของตนเอง นองจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการใช้ชีวิตประจำวัน และ กิจกรรมต่างๆที่จะต้องทำด้วย มีคำแนะนำในการเลือกใช้ครีมกันแดดดังนี้
เลือกครีมที่ป้องกันได้ทั้ง UVB และ UVA
โดยดูจากค่า SPF และค่า PA
- SPF (Sun Protective Factor) เป็นตัวบ่งบอกว่าป้องกัน UVB ได้กี่เท่า โดยเทียบกับผิวที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด ผิวคนไทยที่ไม่ได้ทาครีมกันแดดจะเกิดการไหม้แดดหลังจากตากแดดประมาณ 15-30 นาที
- PA (Protection of UV-A) เป็นค่าความสามารถในการป้องกันรังสี UVA ค่า PA แบ่งออกเป็น 3 ระดับได้แก่ PA+ (ป้องกันได้ 2-4 เท่า) , PA++ (ป้องกันได้ 5-6 เท่า) , PA+++ (ป้องกันได้ 8-9 เท่า)
* ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงสามารถกันแสงแดดได้ยาวนานกว่าค่า SPF ต่ำ หมายความว่าปริมาณรังสี UVB ที่ผ่านไปถึงผิวก็มีค่าน้อยลง
สำหรับผู้ที่มีผิวขาว จะเกิดผิวไหม้ง่ายมากหลังสัมผัสกับแสงแดดจึงจำเป็นต้องใช้กันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เช่น SPF 45-60
สำหรับผิวคล้ำ ผิวชนิดนี้จะมีเมลานินอยู่มากกว่าคนผิวขาว จึงสามารถทนต่อแสงแดดได้นานกว่า แนะนำครีมกันแดดชนิดที่มีค่า SPF ปานกลาง-สูง เช่น SPF 30-60 แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นหรือกิจกรรมของแต่ละคนด้วย
** กรณีเป็นผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย อาจจะเลือกใช้ Physical Sunscreen สารในกลุ่มนี้จะมีผลการระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่าสารกลุ่ม Chemical Sunscreen แต่มีข้อด้อยคือ ถ้าใช้ SPF สูงๆจะทำให้ผิวดูขาววอก
วิธีการทดสอบการแพ้ครีมกันแดด
แนะนำให้ทากันแดดบริเวณใต้ท้องแขนทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วสังเกตว่ามีผื่นคัน บวมแดงหรือไม่ ถ้ามีอาการดังกล่าวแสดงว่าเกิดอาการแพ้ แต่บางรายการปรากฎอาการแพ้อาจใช้ระยะเวลานาน จึงควรต้องรอดูอาการแพ้ถึง 24 ชม. หรืออาจจะถึง 72 ชม.
แหล่งที่มา
- วารสารร้านยา fascino vol.66 /March-April 2011
- รูปภาพสวยๆจากโลกไซเบอร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น